ประเทศไทยกำลังต่อสู้กับปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกและคุณภาพต่ำที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านกฎระเบียบและปกป้องสิทธิผู้บริโภค กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทยวางแผนที่จะเปิดตัวระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจสอบและตรวจจับสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างชาญฉลาด มาตรการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปราบปรามธุรกิจที่ผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสภาพแวดล้อมของตลาดที่มีการแข่งขันที่ยุติธรรม เมื่อเทียบกับการตรวจจับด้วยตนเอง ระบบ AI มีประสิทธิภาพสูงกว่าและครอบคลุมมากกว่า และสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการควบคุมดูแลได้อย่างมาก
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้ประกาศว่าจะแนะนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเสริมสร้างการกำกับดูแลสินค้าลอกเลียนแบบและสินค้าคุณภาพต่ำที่จำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นายพงษ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขาธิการกระทรวงอุตสาหกรรม อัครนาถ พรหมพันธุ์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า คณะกรรมการเทคโนโลยีและการปฏิรูปอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของกระทรวงได้หารือเกี่ยวกับแพ็คเกจดังกล่าวในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม
ในการประชุมครั้งที่สองเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม คณะกรรมการได้ยินว่าการศึกษาแสดงให้เห็นว่าระบบ AI ของกระทรวงอุตสาหกรรมสามารถตรวจสอบและตรวจจับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ได้มาตรฐาน 100,000 ชิ้นที่ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกวัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่มนุษย์ในปัจจุบันสามารถตรวจจับสินค้าได้เพียง 100,000 ชิ้นต่อวัน . นายพงศ์พล อธิบายว่า อัครณัฐได้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าราคาถูกและด้อยคุณภาพ (ส่วนใหญ่มาจากจีน) ที่กำลังท่วมตลาดไทย
ระบบ AI จะจัดลำดับความสำคัญในการตรวจจับรายการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้บริโภค เช่น ช่องเสียบสายไฟต่อและหมวกกันน็อค คณะกรรมการได้ตัดสินใจใช้ AI เพื่อตรวจจับคำสำคัญและรูปภาพผลิตภัณฑ์และเปรียบเทียบกับต้นแบบผลิตภัณฑ์และฐานข้อมูลตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO ของกระทรวงอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะเน้นการตรวจสอบข้อมูลและเตรียมเอกสารดำเนินคดีกับผู้ขายที่ขายสินค้าต่ำกว่ามาตรฐาน
การเปิดตัวระบบกำกับดูแล AI นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับสินค้าลอกเลียนแบบและสินค้าคุณภาพต่ำของประเทศไทย เมื่อเทียบกับการตรวจสอบด้วยตนเอง ระบบ AI สามารถระบุสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการควบคุมดูแลอย่างมาก และปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบนี้ไม่เพียงแต่สามารถระบุสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กระทรวงอุตสาหกรรมติดตามและปราบปรามผู้ค้าที่ไร้ศีลธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยรักษาระดับการแข่งขันในตลาดไทย ในอนาคต กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทยอาจขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้ระบบ AI นี้เพิ่มเติม และนำสินค้าโภคภัณฑ์เข้ามาอยู่ในขอบเขตการควบคุมดูแลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีสภาพแวดล้อมการบริโภคที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น
ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ประเทศไทยได้แสดงทัศนคติเชิงบวกในการรักษาลำดับของตลาดและสิทธิของผู้บริโภค ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับประเทศอื่นๆ ในการต่อสู้กับสินค้าลอกเลียนแบบและสินค้าคุณภาพต่ำ ผมเชื่อว่าด้วยการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง จะมีมาตรการปกป้องสิทธิผู้บริโภคและรักษาการแข่งขันในตลาดอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต