เมื่อเร็วๆ นี้ แมคโดนัลด์ได้ประกาศยุติโครงการทดสอบระบบสั่งอาหารแบบไดร์ฟทรูด้วย AI ร่วมกับไอบีเอ็ม และจะถอดเทคโนโลยีที่ใช้ในร้านอาหารมากกว่า 100 แห่งภายในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ความร่วมมือนี้จะเริ่มในปี 2564 โดยมีเป้าหมายที่จะใช้เทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของบริการแบบไดรฟ์ทรู แม้ว่าแมคโดนัลด์จะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลในการยุติความร่วมมือ แต่ก็เน้นย้ำถึงความมั่นใจในแชทบอทสั่งงานด้วยเสียงที่พัฒนาขึ้นเอง และวางแผนที่จะใช้เป็นส่วนหนึ่งของบริการร้านอาหารในอนาคต การเคลื่อนไหวครั้งนี้กระตุ้นให้เกิดความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการใช้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ด
McDonald's ประกาศยุติความร่วมมือด้านการสั่งซื้อด้วย AI แบบ Drive-thru กับ IBM และจะนำเทคโนโลยีที่ทดสอบในร้านอาหารมากกว่า 100 แห่งออกภายในวันที่ 26 กรกฎาคม 2024 McDonald's ได้ทำการทดสอบระบบในร้านอาหารเหล่านี้นับตั้งแต่ร่วมมือกับ IBM ในปี 2564
แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าทำไมแมคโดนัลด์จึงยุติความร่วมมือกับไอบีเอ็ม บริษัทกล่าวว่ากำลังทดสอบว่าแชทบอทที่สั่งงานด้วยเสียงสามารถเร่งการให้บริการได้หรือไม่ และแสดงความมั่นใจในผลการทดสอบ โดยกล่าวว่า "โซลูชันการรับสั่งงานด้วยเสียงแบบไดรฟ์ทรูจะ กลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับร้านอาหาร" ส่วนหนึ่งของอนาคต”
อุตสาหกรรมอาหารโดยทั่วไปมีความกระตือรือร้นที่จะแนะนำเทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ทำเนียบขาวกำลังทดสอบเทคโนโลยี AI ที่ให้บริการโดยบริษัทจดจำเสียง SoundHound ในขณะที่ Carls Jr., Haddish และคนอื่นๆ ได้ใช้แชทบอท AI แบบไดรฟ์ทรูที่ขับเคลื่อนโดยพนักงานที่ทำงานระยะไกลชาวฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ McDonald's ได้ประกาศข้อตกลงกับ Google เมื่อปีที่แล้ว โดยส่วนหนึ่งระบุว่าจะให้พนักงานใช้แชทบอทที่เรียกว่า "Ask Pickles" เพื่อให้พนักงานได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เช่น การทำความสะอาดเครื่องทำไอศกรีม
แมคโดนัลด์ไม่ได้จำกัดเพียงพื้นที่แบบไดร์ฟทรูเท่านั้น แต่ยังทำการทดลองระบบอัตโนมัติในด้านต่างๆ เช่น การสั่งซื้อผ่านมือถือ โดรนเดลิเวอรี่ และหุ่นยนต์ในครัว นอกเหนือจากแชทบอทรับคำสั่งเสียงแล้ว บริษัทยังเปิดตัวการสั่งซื้อผ่านมือถือและอุปกรณ์สั่งซื้อแบบบริการตนเองในร้านค้า และได้ทดสอบการจัดส่งด้วยโดรน หุ่นยนต์ในครัว และเครื่องมือสรรหา AI แปลก ๆ
การสำรวจเทคโนโลยี AI ของ McDonald ยังคงดำเนินต่อไป บริษัทมีความมั่นใจในระบบสั่งอาหารด้วยเสียงที่พัฒนาขึ้น ในอนาคต อาจใช้เทคโนโลยี AI มากขึ้นในการดำเนินงานร้านอาหารทุกด้านเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์ของลูกค้า กรณีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและความท้าทายของการใช้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ด ตลอดจนการปรับเปลี่ยนและการสำรวจบริษัทต่างๆ ในการเลือกและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง